ประกอบด้วย ราก, ใบ, ลำต้น, ดอก, ผล เป็นต้น
ราก
หน้าที่
- ดูดและลำเลียงน้ำ และแร่ธาตุ
- ค้ำจุนส่วนต่างๆของพืชให้ทรงตัวได้
- หน้าที่พิเศษ เช่น
- รากสะสมอาหาร เช่น หัวแครอท, หัวไชเท้า, หัวผักกาด, กระชาย, มันเทศ
- รากสังเคราะห์แสง เช่น รากกล้วยไม้ (ส่วนที่มีสีเขียว)
- รากหายใจ เช่น รากลำพู แสม โกงกาง
โครงสร้างของราก
การเจริญเติบโตของรากจะเจริญในทิศทางตามแรงโน้มถ่วง
ชนิดของราก
แบ่งได้เป็น 3 ชนิด
- รากแก้ว (Primary Root/Tap Root)
งอกออกจากเมล็ด รากแก้วจะมีขนาดใหญ่ ช่วยยึดค้ำ?จุนต้น
- รากแขนง (Secondary Root/Lateral Root) รากที่เจริญของรากแก้ว จะเจริญขนานไปกับพื้นดิ
- รากพิเศษ(Adventitious Root) งอกจากส่วนต่างๆของพืช เช่น รากฝอย (Fibrous root) เป็นรากที่งอกจากโคนลำต้นเพื่อแทนรากแก้วที่ฝ่อไป พบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
ลำต้น
ป็นส่วนของพืชที่เจริญขึ้นโดยส่วนใหญ่จะเป็นทิศตรงข้ามกับแรงดึงดูดของโลก
ส่วนประกอบของลำต้น
- ข้อ คือ ส่วนประกอบของลำต้นบริเวณที่มีใบ กิ่งและตาเจริญงอกออกมา
- ปล้อง คือ ส่วนของลำต้นที่อยู่ระหว่างข้อ
- ตา คือ มีลักษณะนูนโค้งคล้ายโดม ตาจะสามารถเจริญไปเป็น กิ่ง ใบหรือดอก
<
หน้าที่ของลำต้น
- แกนพยุงชูกิ่ง ก้าน ใบและดอกให้ได้รับแสงอาทิตย์
- มีเนื้อเยื่อเป็นท่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุจากรากไปสู่ใบ และมีเนื้อเยื่อเป็นท่อลำเลียงอาหารจากใบไปส่วนต่างๆของพืช
- หน้าที่พิเศษ เช่น
- ลำต้นขยายพันธุ์ เช่น คุณนายตื่นสาย ขิง ข่า ลีลาวดี
- ลำต้นสังเคราะห์ด้วยแสง เฉพาะพืชที่มีลำต้นเป็นสีเขียว เช่น กระบองเพชร
- ลำต้นสะสมอาหาร เช่น ขิง ข่า ขมิ้น มันฝรั่ง เผือก
การจำแนกลำต้น
คำถาม
นักเรียนจะสามารถแยกรากและลำต้นใต้ดินออกจากกันได้อย่างไร
ใบ
- เป็นส่วนที่เจริญมาจาก “ตา” ตรงข้อของลำต้นหรือกิ่ง
- ส่วนใหญ่มีสีเขียวของ”คลอโรฟิลล์” (มีหน้าที่รับพลังงานแสงและนำปใช้ในกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง)
- ด้านที่หันเข้าหาแสงอาทิตย์เรียกว่า “ด้านท้องใบ” ส่วนอีกด้านเรียกว่า “ด้านหลังใบ”
- พืชบกมักจะพบ “ปากใบ”ที่บริเวณด้านหลังใบมากกว่าด้านท้องใบ
- ปากใบ คือ รูที่อยู่ระหว่างเซลล์คุมที่ควบคุมการปิด-เปิดของปากใบ ปากใบจะเป็นทางผ่านเข้าออกของ แก๊ส และ น้ำ (การคายน้ำ)
พืชลอยปริ่มน้ำ ปากใบอยู่ด้านท้องใบ
ดอก
นักวิทยาศาสตร์จำแนกพืชโดยใช้ “ดอก” เป็นเกณฑ์ในการจำแนก
- พืชชั้นสูง (พืชมีดอก) เช่น ชบา, กุหลาบ, มะลิ, บัว เป็นต้น
- พืชชั้นต่ำ (พืชไร้ดอก) เช่น ข้าวตอกฤาษี, ตะไคร่น้ำ, มอส, เฟิร์น, สน, ผักกูด, ผักแว่น เป็นต้น
ดอก ส่วนใหญ่มีหน้าที่คือ “สืบพันธุ์” เป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
อับเรณู: ภายในมี “ละอองเรณู (ทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้)” จำนวนมาก
ยอดเกสรตัวเมีย: จะมีขนเล็กๆ และมีน้ำหวานเหนียว สำหรับดักจับ ละอองเรณูและน้ำหวานยังเป็น
อาหารสำคัญสำหรับการงอกหลอดละอองเรณู
รังไข่: จะมีออวุลอยู่ ภายในออวุลจะเป็นที่สร้างเซลล์ไข่
การจำแนกดอก
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
- พืชใช้...............................ในการดูดซึมน้ำและแร่ธาตุ
- พืชจะมีระบบเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำและแร่ ธาตุเรียกว่า “ไซเล็ม (Xylem)”
- พืชจะมีระบบเนื้อเยื่อสำหรับลำเลียงอาหารที่เรียกว่า “โฟลเอ็ม (Phloem)”
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
พืชจัดเป็น “ผู้ผลิต” ในระบบนิเวศเพราะสามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์มาสังเคราะห์อาหารจากแร่ธาตุที่มีอยู่ในธรรมชาติ
- การสังเคราะห์ด้วยแสง : เปลี่ยนพลังงานแสง เป็น พลังงานเคมี
- การสังเคราะห์ด้วยแสงคือ กระบวนการสร้างอาหารของพืช
- อาหารที่พืชสร้างได้คือ “น้ำตาลกลูโคส” ซึ่งพืชจะเก็บสะสมในรูป “แป้ง” และ แป้งจะถูกเปลี่ยนเป็น “น้ำตาลกลูโคส” เมื่อพืชต้องการสลายน้ำตาลเป็นพลังงาน
- ตอนกลางวันที่มีแสง พืชจะใช้ “คาร์บอนไดออกไซด์” และปล่อยแก๊ส “ออกซิเจน”
- พืชจะคาย “น้ำและแก๊สออกซิเจน” ออกมาทางปากใบ
การจำแนกพืช (ตามจำนวนใบเลี้ยง)
พืชสามารถจำแนกได้ตามจำนวนใบเลี้ยงออกเป็น “ใบเลี้ยงเดี่ยว” และ “ใบเลี้ยงคู่”